สำนวนอังกฤษ 141
หนังสือ IDIOM & SLANG 2 (“สำนวนสนุก สแลงสนาน”)
มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไปแล้วนะครับ เช่น ซีเอ็ด / B2S / ศูนย์หนังสือจุฬา / Double A Book Tower และตามร้านหนังสือทั่วไป
เพื่อนๆสามารถแวะไปชมและอุดหนุนกันได้นะครับ
(หรือสั่งซื้อโดยตรงกับ สนพ.ปัญญาชน)
;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->
yob
= นักเลง / กุ๊ย / อันธพาล
= คนห่าม / พวกป่าเถื่อน
ความหมายและที่มา:
yob (หรือ yobbo) เป็นสแลงจากทางฝั่งอังกฤษ หมายถึง คนห่ามๆ เอะอะมะเทิ่ง หยาบคาย หรือคนเกกมะเหรกเกเร ก้าวร้าว ชอบใช้กำลัง
yob เป็นสแลงที่เล่นกลับพยัญชนะกับคำว่า boy (อ่านกลับจากหลังไปหน้า) มันถือกำเนิดมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1850 โดยเป็นคำที่ใช้เรียกพวกหนุ่มๆกรรมกร
ว่ากันว่า yob มาก่อนคำว่า hooligan ด้วยซ้ำไป และหนึ่งในสแลงล่าสุดที่วัยรุ่นอังกฤษใช้กันได้แก่ chav (ขาโจ๋ออกแนวฮิพฮ็อพ)
ในเหตุการณ์จลาจลอังกฤษครั้งใหญ่ ‘yobs’ เป็นคำที่ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์เมืองผู้ดีบ่อยมาก โดยเป็นคำที่ใช้เรียกแทนกลุ่มม็อบวัยรุ่นที่ก่อเหตุวางเพลิงและปล้นสะดมนั่นเอง (พวกหนังสือพิมพ์หัวสีจะนิยมใช้คำว่า yobs แต่ถ้าเป็นหนังสือพิมพ์คุณภาพจะเลือกใช้คำอื่นเช่น rioters เป็นต้น)
ตัวอย่าง:
– Two in three riot yobs had average 15 previous offences each.
(2 ใน 3 ของม็อบอันธพาลมีคดีติดตัวเฉลี่ยคนละ 15 คดี)
;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->
Like a moth to a flame
= แมงเม่าบินเข้ากองไฟ
ความหมายและที่มา:
Like a moth to a flame (เหมือนผีเสื้อกลางคืนที่หลงแสงไฟ) มีความหมายเหมือนกับสำนวนไทยว่า “แมงเม่าบินเข้ากองไฟ” ที่สื่อถึง
– การติดกับ ถูกล่อลวง หลงไปกับสิ่งดึงดูดใจบางอย่าง ซึ่งที่จริงแล้วมีอันตรายแฝงอยู่
– การหลงเสน่ห์อย่างหัวปักหัวปำ
– การที่ฝูงชนแห่กันไปทำอะไรบางอย่าง เพราะมีสิ่งล่อใจ
– การรนหาที่ตาย
หรือถ้าจะแปลสำนวน “แมงเม่าบินเข้ากองไฟ” แบบตรงตัวเป๊ะๆเลย ก็ต้องใช้ว่า ‘Flying termites fly into the fire.’ (แมงเม่า ภาษาอังกฤษใช้คำว่า flying termite หรือ Alate)
สำหรับที่มาของทั้งสองสำนวนนี้… มาจากธรรมชาติของผีเสื้อกลางคืนและแมงเม่าที่ชอบบินเล่นไฟ เนื่องจากหลงผิดคิดว่าแสงสว่างจากเปลวไฟหรือหลอดไฟนีออนนั้นคือดวงจันทร์! (ซึ่งโดยปกติแล้วแมลงเหล่านี้จะใช้แสงจากดวงจันทร์เป็นเครื่องนำทางในท่ามกลางความมืดมิด)
ตัวอย่าง:
– ‘Specialist said world markets seemed to be drawn like moths to a flame by China’s GDP growth numbers.’
(ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ตลาดโลกก็เหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟที่ถูกล่อลวงด้วยตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีน)
;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->
Lay it on me
= ว่ามาซิ / บอกมาเลย
= บอกหน่อย / เล่าให้ฟังหน่อย
ความหมาย:
‘Lay it on me.’ เป็นภาษาพูดที่ออกแนวคาดคั้น ใช้เมื่อผู้พูดอยากจะได้คำตอบ อยากรู้เรื่องราวจากอีกฝ่ายให้ชัดเจน ตัวอย่างเช่น
A: ‘I know some secrets about her.’ (ฉันรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับเธอ)
B: ‘Lay it on me!’ (บอกมาซะดีๆ!)
lay on ในที่นี้มีความหมายคล้ายกับ lay out อธิบายง่ายๆก็คือ “เอาเรื่องจริงมาแบกันให้เห็นๆไปเลย” (เปิดเผย / ชี้แจงแถลงไข)
ในทางกลับกัน ถ้าเราใช้ประโยคว่า ‘Lay it on you.’ (จะบอกให้) อันนี้เท่ากับว่า… เราเองที่จะเป็นฝ่ายบอก หรือมีอะไรบางอย่างมานำเสนอแก่อีกฝ่าย ตัวอย่างเช่น
‘I have a great idea. Let me lay it on you.’ (ฉันมีไอเดียเด็ดๆ ฉันจะเล่าให้เธอฟัง)
;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->
Weather the storm
= เผชิญปัญหา / ฝ่ามรสุม / ฝ่าวิกฤติ / ยืนหยัดสู้
ความหมาย:
เผชิญหน้าฝ่าฟันปัญหาอย่างอดทน รับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
อุปมาดั่งการเผชิญกับพายุฝนที่เกรี้ยวกราด ไม่ว่าพายุจะรุนแรงแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วมันก็จะผ่านพ้นไป (ขอเพียงเรามีใจเข้มแข็งไม่ย้อท่อ ในที่สุดเราก็จะฟันฝ่าอุปสรรคนั้นๆไปได้)
ตัวอย่าง:
– ‘We will be able to weather the storm if we stick together.’
(เราจะฝ่าฝันวิกฤติไปได้ถ้าพวกเราร่วมแรงร่วมใจกัน)
;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->
ใส่ความเห็น